ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศอินโดนีเซียได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวไทยสายลุยให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม แต่ด้วยขนาดประเทศที่ค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งยังมีเกาะแก่งมากมาย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากใครหลายคนจะไม่รู้ว่าเราควรวางทริปเที่ยวอินโดนีเซียจากตรงไหน และเพื่อเป็นการช่วยให้นักท่องเที่ยวมองเห็นภาพกว้างๆ ของสถานที่ท่องเที่ยวในอินโดนีเซียนกันให้มากขึ้น วันนี้เราเลยหยิบเอา 2 ที่เที่ยวใน 2 เกาะหลักของอินโดนีเซียอย่าง สุมาตรา และชวามาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน ส่วนจะมีที่ไหนบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว รีบตีตั๋วออกเดินทางไปเที่ยวอินโดนีเซียกันเลย
สุมาตรา
เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของอินโดนีเซีย และเป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญอย่างเมดานและปาเลมบัง สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นของเกาะนี้ได้แก่ภูเขาและทะเลสาบ โดยตัวอย่างของไฮไลท์แห่งเกาะสุมาตรา ได้แก่
ทะเลสาบโตบา
เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นหลังจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อหลายล้านปีก่อนจนเกิดเป็นพื้นที่แอ่งขนาดใหญ่ โดยความน่าสนใจของทะเลแห่งนี้สามารถไล่เรียงได้ตั้งแต่ความอุดมสมบูรณ์ของป่าฝนและป่าสนเขตร้อน, เกาะแก่งน้อยใหญ่กลางทะเลสาบ, น้ำตกสูง 120 เมตร ไปจนถึงบ้านเรือนและวิถีชีวิตของชนพื้นเมืองชาวบาตักที่ยังคงรักษาขนบดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น
ภูเขาไฟซิบายัก
สำหรับใครที่ชื่นชอบการเดินเขา ต้องบอกเลยว่าที่นี่คือสถานที่ที่ต้องมาเยือนให้ได้ถ้าหากมีโอกาสมาเที่ยวอินโดนีเซีย เพราะนอกจากจะมีจุดเด่นอยู่ที่ความสมบูรณ์ทางธรรมชาจิของผืนป่าที่ตั้งอยู่รายรอบแล้ว ภูเขาไฟแห่งนี้ยังมีทัศนียภาพที่งดงาม อีกทั้งยังมีหินรูปทรงแปลกตาซึ่งเกิดจากการแข็งตัวของลาวา โดยกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ได้แก่การขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าบนความสูง 2,181 เมตร
เกาะชวา
เป็นเกาะที่เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอย่างจาการ์ตา และเป็นจุดหมายแห่งแรกที่หลายคนมักใช้เป็นจุดเริ่มเมื่อมาเที่ยวอินโดนีเซีย
ภูเขาไฟโบรโม
เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกจึงทำให้ที่นี่มีภูเขาไฟหลายลูกที่ยังไม่ดับสนิทซึ่งภูเขาไฟโบรโมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยไฮไลท์เด็ดที่ใครมีโอกาสมาเที่ยวอินโดนีเซียจะได้ชมหากมาเยือนโบรโมคือภาพของภูเขาไฟที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางพื้นที่ราบสูงจนเกิดเป็นทัศนียภาพอันสวยงาม และวันไหนที่มีเมฆหนาด้วยแล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้ชมทะเลหมอกพร้อมกับชมพระอาทิตย์ขึ้นภายในเวลาเดียวกัน
คาวาอีเจี้ยน
แม้จะเป็นภูเขาไฟเหมือนกับโบรโมแต่ความพิเศษของที่นี่อยู่ที่สีของลาวา เพราะแทนที่จะเป็นสีแดงเหมือนกับที่อื่นแต่เปลวไฟของที่นี่กลับเป็นสีฟ้า โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเมื่อสารกำมะถันสัมผัสกับความร้อน กำมะถันจะกลายสภาพเป็นของเหลวสีฟ้าจนทำให้ดูคล้ายกับลาวา นอกจากจะมีเปลวเพลิงสีฟ้าให้ได้ชมแล้ว คาวาอีเจี้ยนยังเป็นที่ตั้งของทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟสีเทอร์ควอยซ์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอันซีนที่ใครมาเที่ยวอินโดนีเซียต้องห้ามพลาดอีกด้วย